วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2556

ภูมิปัญญาท้องถิ่นของจังหวัดศรีสะเกษ

ภูมิปัญญาท้องถิ่นของจังหวัดศรีสะเกษ
     ภูมิปัญญา มายถึง ความรู้ ความสามารถ ทักษะ ความเชื่อ และศักยภาพในการแก้ปัญหาของมนุษย์ที่สืบทอดกันมาจากอดีตถึงปัจจุบัน
อย่างไม่ขาดสาย และเชื่อมโยงกัน ทั้งระบบทุกสาขา ดังนั้น ภูมิปัญญาจึงเป็นทุนชีวิตหรือทรัพย์สินทางปัญญาของสังคมไทยที่มีความจำเป็น
ต่อการดำรงชีวิต ควรศึกษาและพัฒนาให้เอื้อต่อการพัฒนาประเทศ

ภูมิปัญญาท้องถิ่นหรือภูมิปัญญาชาวบ้าน
     ภูมิปัญญาท้องถิ่นหรือภูมิปัญญาชาวบ้าน  หมายถึง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ชาวบ้านคิดขึ้นได้เอง และนำมาใช้ในการแก้ปัญหา เป็นเทคนิควิธี
เป็นองค์ความรู้ของชาวบ้านทั้งทางกว้าง และทางลึกที่ชาวบ้านคิดเอง ทำเอง โดยอาศัยศักยภาพที่มีอยู่  แก้ปัญหาการดำเนินชีวิตในท้องถิ่น
ได้อย่างเหมาะสมกับยุคสมัย อาจแบ่งเป็น ๒ลักษณะ คือ ภูมิปัญญาที่เป็น นามธรรมและเป็นรูปธรรม มีความสัมพันธ์ บูรณาการ และเชื่อมโยง
กันไปหมด ไม่แยกออกเป็นวิชา และเป็นความรู้ ที่มีคุณธรรม ซึ่งคนไทยทุกคนมีหน้าที่พิทักษ์ ปกป้อง สืบสานศิลปวัฒนธรรมของชาติและ
ภูมิปัญญาท้องถิ่น

ความสัมพันธ์ของภูมิปัญญาระดับต่าง ๆ
     ภูมิปัญญาท้องถิ่นแบ่งได้หลายประเภท ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และหลักเกณฑ์ที่หน่วยงาน องค์กร และนักวิชาการแต่ละท่านกำหนด เช่น
กรมวิชาการ ได้แบ่งภูมิปัญญาท้องถิ่นไว้ 4 ประเภท ดังนี้
๑. คติ ความคิด ความเชื่อ หลักการ ที่เป็นพื้นฐานขององค์ความรู้ที่เกิดจากการสั่งสมถ่ายทอดกันมา
๒. ศิลปะ วัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมประเพณีที่เป็นแบบแผนการดำเนินชีวิตที่ปฏิบัติสืบทอดกันมา
๓. การประกอบอาชีพในท้องถิ่นที่ยึดหลักการพึ่งตนเอง และได้รับการพัฒนาให้เหมาะสมกับกาลสมัย
๔. แนวคิด หลักปฏิบัติ และเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ชาวบ้านมาดัดแปลงใช้ในชุมชนอย่างเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ ได้กำหนดสาขาภูมิปัญญาไทยไว้ ๙ ด้าน ดังนี้

ด้านเกษตรกรรม




นายแก่นฟ้า แสนเมือง

     นายแก่นฟ้า แสนเมือง เกิดเมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๙ ปัจจุบันอุทิศตนรับใช้ศาสนาอยู่ในชุมชนศีรษะอโศกโดยไม่รับเงินเดือน
สถานที่ทำงานและที่อยู่ปัจจุบัน
     
บ้านเลขที่ ๒๗๐ หมู่ที่ ๑๕ ชุมชนศีรษะอโศก ตำบลกระแชง อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ๓๓๑๑๐ โทรศัพท์ ๐-๔๕๖๖-๒๖๐๑
ผลงาน-ความสามารถ
    
 นายแก่นฟ้า แสนเมือง เป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถเชี่ยวชาญด้านกสิกรรมไร้สารพิษอย่างครบวงจร (เฉพาะการปลูกพืช ไม่มีการเลี้ยงสัตว์) เป็นผู้คิดค้นการทำปุ๋ยชีวภาพอัดเม็ด โดยใช้เครื่องมือที่ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นเอง ทำการวิจัยและเก็บสถิติเรื่องการปลูกข้าวอย่างครบวงจร ทำให้เมล็ดข้าว
ที่เป็นเมล็ดพันธุ์ทุกเมล็ดงอกได้อย่างสมบูรณ์ ริเริ่มจัดตั้งโรงสีข้าวชุมชน โรงเพาะเห็ด ร้านค้า สหกรณ์ ช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และสร้างเศรษฐกิจ
พอเพียงให้แก่เกษตรกร เป็นผลให้ “ชุมชนศีรษะอโศก” เป็นชุมชนตัวอย่างในการพึ่งพาตนเองและเป็นกำลังสำคัญในการช่วยเหลือชุมชนรอบ ๆ
ได้เป็นอย่างดี

เกียรติคุณที่ได้รับ
     
การที่นายแก่นฟ้า แสนเมือง นำความรู้ด้านเกษตรกรรม (กสิกรรมไร้สารพิษ) ที่ตนเองได้ศึกษา ค้นคว้า ค้นพบ ฝึกฝนจนประสบผลแล้วนำไป
เผยแพร่ สอน อบรม ถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้เรียนรู้และนำไปปฏิบัติจนประสบความสำเร็จ เป็นประโยชน์โดยรวมแก่สังคม จึงได้รับการยกย่อง
เชิดชูเกียรติจากสำนักงานเลขาธิการการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ให้เป็นครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ ๓ ด้านเกษตรกรรม (กสิกรรมไร้สารพิษ) ประจำปี
พุทธศักราช ๒๕๔๖










นายทองใส สมศิริ
     นายทองใส สมศิริ เกิดเมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ อาชีพเกษตรกร
ที่อยู่ปัจจุบัน
     บ้านเลขที่ ๑๘ หมู่ที่ ๙  ตำบลห้วยติ๊กชู อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกา ๓๓๑๔๐
ผลงาน-ความสามารถ
     นายทองใส สมศิริ มีพื้นที่ทำการเกษตรทฤษฎีใหม่ จำนวน ๑๕ ไร่ แบ่งเป็นแปลงนา ๕ ไร่ แปลงไม้ผล ๖ ไร่ และบ่อเลี้ยงปลาขนาดกลาง ๒ บ่อ
ได้เข้าร่วมโครงการทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๐ โดยได้รับการสนับสนุนพันธุ์ไม้ผล พันธุ์ปลา พันธุ์เป็ด-ไก่ จากโครงการพัฒนา
เกษตรอำเภอภูสิงห์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
     นายทองใส สมศิริ ได้ทำการเกษตรตามแนวพระราชดำริอย่างจริงจัง และขยันหมั่นเพียร ทำให้มีรายได้จากการเกษตรเฉลี่ยประมาณ ๕๔,๐๐๐ บาท/ปี

เกียรติคุณที่ได้รับ
๑. ได้รับโล่พระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โครงการคัดเลือกแปลงเกษตรทฤษฎีใหม่ดีเด่น ในโอกาสพระราชพิธีมงคล
เฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒
๒. ได้รับคัดเลือกเป็นเกษตรกรดีเด่น ผู้จัดทำแปลงขยายผลเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ โดยศูนย์พัฒนาการเกษตรอำเภอภูสิงห์อันเนื่อง
มาจากพระราชดำริ ส่วนแปลงนาได้รับคัดเลือกเป็นแหล่งศึกษาดูงานและถ่ายทอดวิทยาการด้านการเกษตร







 
นายวิชัย อ่วมพันธ์เจริญ
     นายวิชัย อ่วมพันธ์เจริญ เกิดเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๗
สถานที่ทำงาน
     บริษัทฟาร์มทอง จำกัด เลขที่ ๑๕๙๓/๕ ถนนรอบเมืองใต้ ตำบลเมืองใต้ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ
ผลงาน-ความสามารถ
     เป็นผู้ริเริ่ม สหกรณ์ชาวนาในจังหวัดศรีสะเกษ และทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์อื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง ก่อเกิดคุณประโยชน์แก่จังหวัดศรีสะเกษมากมาย
เกียรติคุณที่ได้รับ
๑. ประธานประชารัฐ จังหวัดศรีสะเกษ Social Investment Fund SIF จังหวัดศรีสะเกษ
๒. ที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ
๓. ที่ปรึกษาเครือข่ายพันธมิตร ธกส.
๔. ที่ปรึกษาสมาคมสหพันธ์เกษตรกรเพื่อการพัฒนา สกพ.
๕. อุปนายกส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
๖. ประธานแผนงานหลักสูตรท้องถิ่น โครงการเด็กกินอิ่มเรายิ้มได้จังหวัดศรีสะเกษ
๗. อนุกรรมการของคณะกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ฝ่ายปศุสัตว์และประมงวุฒิสภา
๘. สมาชิกสมาคมสัตวบาลมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน
๙. ผู้ร่วมงานเครือข่ายคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
๑๐. กรรมการสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ
๑๑. รองประธานสมาคมโคเนื้อแห่งประเทศไทย
๑๒. เกษตรกรดีเด่น สาขาปศุสัตว์ รับพระราชทานรางวัลจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ปี ๒๕๓๐
๑๓. วิทยากรบรรยายของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กลุ่มเกษตรกรทั้งในและต่างจังหวัด เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกร
ด้านอุตสาหกรรมและหัตถกรรม


นางเหรียญทอง สุทธปัญญา
     นางเหรียญทอง สุทธปัญญา เกิดเมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๗ อาชีพทำนา
ที่อยู่ปัจจุบัน
     บ้านเลขที่ ๕ หมู่ที่ ๕ บ้านอีเซ ตำบลอีเซ กิ่งอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ จังหวัดศรีสะเกษ ๓๓๑๒๐
ผลงาน-ความสามารถ
     นางเหรียญทอง สุทธปัญญา สามารถนำเอาเครือเถาวัลย์ที่มีอยู่ในท้องถิ่น มาประดิษฐ์เป็นเครื่องประดับตกแต่งได้อย่างสวยงาม เช่น ทำแจกัน ตะกร้า กระเช้าผลไม้ จำหน่ายสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัว และนอกจากจะจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว ยังสามารถส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศอีกด้วย






นายสมศรี คำผาย
     นายสมศรี คำผาย เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๖ อาชีพทำนา
สถานที่ทำงาน
     โรงตีเหล็กช่างสมศรี บ้านกอย หมู่ที่ ๒ ตำบลดู่ อำเภอราศีไศล จังหวัดศรีสะเกษ ๓๓๑๖๐
ที่อยู่ปัจจุบัน
     บ้านเลขที่ ๗๐ หมู่ที่ ๒ บ้านกอย ตำบลดู่ อำเภอราศีไศล จังหวัดศรีสะเกษ ๓๓๑๖๐
ผลงาน-ความสามารถ
     นายสมศรี คำผาย มีความสามารถในการตีเหล็ก ประกอบเป็นมีดพร้า มีดอีโต้หัวตัด มีดโตม๊อก เสียม เคียว มีดแหลม มีดตอก ดาบ หรืออื่น ๆ ได้ทุกประเภท ตามแต่ความต้องการของลูกค้า โดยใช้เหล็กแหนบรถมาเผาไฟให้อ่อน แล้วนำมาตัดเป็นรูปร่างที่ต้องการ จากนั้นนำไปเผาไฟอีกครั้ง แล้วนำมาตีเป็นรูปร่างตามต้องการ สำหรับการขายจะมีลูกค้ามาติดต่อ รับซื้อถึงที่ มีรายได้ประมาณเดือนละ ๔,๐๐๐-๕,๐๐๐ บาท







นางอรุณศรี รักษาทรัพย์
     นางอรุณศรี รักษาทรัพย์ เกิดเมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๗ อาชีพข้าราชการบำนาญ
สถานที่ทำงานและที่อยู่ปัจจุบัน
     บ้านเลขที่ ๙๑ หมู่ที่ ๒ บ้านเบ๊าะ ตำบลบึงบูรพ์ อำเภอบึงบูรพ์ จังหวัดศรีสะเกษ ๓๓๒๒๐
ผลงาน-ความสามารถ
     นางอรุณศรี รักษาทรัพย์ มีความรู้ ความสามารถในการทอผ้าไหมและออกแบบลายผ้าไหม โดยลวดลายที่ออกแบบจะเน้นถึงประโยชน์ใช้สอย ความสวยงาม และ การอนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณีของท้องถิ่นด้วย ผ้าไหมของนางอรุณศรี รักษาทรัพย์ เป็นที่ยอมรับของบุคคลทั่วไปว่า เป็นผ้าไหม
ที่สวยงาม แปลกตา และมีความคิดสร้างสรรค์







นางเจียมใจ พรหมคุณ
     นางเจียมใจ พรหมคุณ เกิดเมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ อาชีพทอผ้าไหม
สถานที่ทำงาน
     ศูนย์พัฒนาอาชีพทอผ้าไหม หมู่ที่ ๒ ตำบลบึงบูรพ์ อำเภอบึงบูรพ์ จังหวัดศรีสะเกษ ๓๓๒๒๐
ที่อยู่ปัจจุบัน
     บ้านเลขที่ ๙๑ หมู่ที่ ๑ บ้านเบ๊าะ ตำบลบึงบูรพ์ อำเภอบึงบูรพ์ จังหวัดศรีสะเกษ ๓๓๒๒๐
ผลงาน-ความสามารถ
     นางเจียมใจ พรหมคุณ มีความรู้ ความสามารถในการออกแบบลายผ้าไหมและทอผ้าไหมได้อย่างสวยงามเป็นที่ยอมรับกัน ทั่วไป ผลงานได้รับรางวัลมากมาย ทั้งผ้าไหมลายมัดหมี่ และลายสร้างสรรค์
เกียรติคุณที่ได้รับ
๑. รางวัลพระราชทานโครงการส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ณ พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์
๒. มีผลงานที่ได้รับรางวัลระดับจังหวัด ระดับอำเภอ และอื่น ๆ อีกหลายรางวัล จึงถือเป็นผู้มีผลงานดีเด่นของจังหวัดศรีสะเกษคนหนึ่ง





นางสาวสมจันทร์ อินทะโร
     นางสาวสมจันทร์ อินทะโร เกิดเมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๗ อาชีพทำนา
สถานที่ทำงาน
     สมาคมส่งเสริมและพัฒนาอาชีพสตรี อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ
ที่อยู่ปัจจุบัน
     บ้านเลขที่ ๑๒๑ หมู่ที่ ๑ บ้านห้วย ตำบลห้วยเหนือ อำเภอขุขันธื จังหวัดศรีสะเกษ ๓๓๑๔๐
ผลงาน-ความสามารถ
     นางสาวสมจันทร์ อินทะโร เป็นผู้ที่มีความสามารถด้านการถักโครเชท์เป็นอย่างมาก ผลผลิตที่ถักได้มีตั้งแต่ชิ้นที่เล็กที่สุดจนถึงใหญ่ที่สุด เช่น
ดอกไม้ เสื้อ ผ้าคลุมไหล่ ผ้าคลุมเตียงลายดอกไม้ชนิดต่าง ๆ รูปสัตว์ ของชำร่วย และอื่น ๆ อีกมากมาย เป็นผู้ริเริ่มและก่อตั้งองค์กร เช่น การสร้างครอบครัวโครเชท์ เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์







นายบรรลุ โสพัฒน์
     นายบรรลุ โสพัฒน์ เกิดเมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๙ อาชีพช่างตีเหล็ก
สถานที่ทำงานและที่อยู่ปัจจุบัน
     บ้านเลขที่ ๓๑ หมู่ที่ ๖ บ้านโนนหล่อ ตำบลหญ้าปล้อง อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ ๓๓๐๐๐
ผลงาน-ความสามารถ
     นายบรรลุ โสพัฒน์ เป็นผู้มีความรู้ความสามารถในการตีเหล็กเป็นอุปกรณ์ใช้งานในครัวเรือน เช่น มีดขนาดต่าง ๆ เสียม เคียว หรือรูปร่าง
ลักษณะอื่น ๆ ตามความต้องการของลูกค้า
ด้านการแพทย์แผนไทย
 

นางฮอง ก่ำเกลี้ยง
ที่อยู่ปัจจุบัน
     บ้านเลขที่ ๑๘ ห
มู่ที่ ๑๒ บ้านโนน ตำบลอีเซ กิ่งอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ จังหวัดศรีสะเกษ ๓๓๑๒๐
ผลงาน-ความสามารถ
     เป็นหมอพื้นบ้าน เขตป่าชุมชนโนนใหญ่ ที่สะสมองค์ความรู้และภูมิปัญญาจากตาและยาย นอกจากนี้ ยังได้ศึกษาเพิ่มเติมจากหลวงพ่อ จนมีความรู้ความเชี่ยวชาญ ที่ป่าโนนใหญ่ มีสมุนไพรรักษาโรคได้หลายโรค เช่น แก้ปวดแข้งปวดขา ปวดหลัง ปวดเอว แก้มึนชาตามมือ
ตามเท้า แก้อัมพาต แก้เบาหวาน เลือดจาง โรคกระเพาะอาหาร ริดสีดวงทวาร ถอนพิษเบื่อ ผิดสำแดง และแก้แมลงสัตว์กัดต่อย 


ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม




นางสาวขวัญดิน  สิงห์คำ
     นางสาวขวัญดิน สิงห์คำ เกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2498 ปัจจุบันอุทิศตน รับใช้ศาสนาอยู่ในชุมชนศีรษะอโศก
สถานที่ทำงานและที่อยู่ปัจจุบัน
     บ้านเลขที่ 271 หมู่ที่ 15 ชุมชนศีรษะอโศก ตำบลกระแชง อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ 33110
ผลงาน-ความสามารถ
     นางสาวขวัญดิน สิงห์คำ เป็นผู้ศึกษาและปฏิบัติธรรม โดยการนำหลักธรรมสู่การปฏิบัติในวิถีชีวิตประจำวัน เน้นในเรื่องของธรรมะ
การศึกษา และอาชีพ โดยได้ลาออกจากการเป็นข้าราชการครูโรงเรียนกันทรลักษ์วิทยา เพื่อดำเนินงานตามปณิธานของตนเอง ดังนี้
1. ริเริ่มก่อตั้งการศึกษาระบบบุญนิยมที่ชุมชนวัฒนธรรมศีรษะอโศก จังหวัดศรีสะเกษ โดยก่อตั้งโรงเรียนสัมมาสิกขาศีรษะอโศก
โรงเรียนสัมมนาอาชีวะสิกขาศีรษะอโศก และศูนย์การเรียนรู้ชุมชน 10 ศูนย์
2. ปฏิบัติและเผยแพร่แนวคิดในเรื่องของการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (การจัดสมดุลสิ่งแวดล้อม) ด้วยการปรับปรุงดิน
การไม่ใช้สารเคมี การใช้ปุ๋ยชีวภาพ น้ำหมักชีวภาพ การแปรรูปอาหารจากผักและผลไม้ จนประสบผลสำเร็จ เกิดเครือข่ายที่เป็น
คุณประโยชน์ต่อชีวิต สุขภาพมนุษย์ สัตว์และสิ่งแวดล้อม

เกียรติคุณที่ได้รับ
     การที่นางสาวขวัญดิน สิงห์คำ ได้นำความรู้ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ตนได้ศึกษา ค้นคว้า ค้นพบ ฝึกฝน
จนประสบความสำเร็จ แล้วนำไปเผยแพร่ สอน อบรม ถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้เรียนรู้และนำไปปฏิบัติจนประสบความสำเร็จ เป็นประโยชน์
โดยรวมแก่สังคม จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติจากสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ให้เป็นครูภูมิปัญญาไทย
รุ่นที่ 3 ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประจำปีพุทธศักราช 2546








ร้อยตำรวจตรีวิชัย สุริยุทธ
     ร.ต.ต.วิชัย สุริยุทธ เกิดเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2489 อาชีพรับราชการตำรวจ
สถานที่ทำงาน
     สถานีตำรวจภูธรอำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ
ผลงาน-ความสามารถ
     ร.ต.ต.วิชัย สุริยุทธ เป็นนักพัฒนาตัวอย่าง เป็นผู้นำการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมที่เผยแพร่ชื่อเสียงของจังหวัด
ศรีสะเกษ มีปณิธาน ในการปฏิบัติงานว่า “จะต้องพัฒนาพื้นที่ของอำเภอปรางค์กู่ ให้ราษฎรที่ประกอบอาชีพทำนามีฐานะความเป็นอยู่
ที่ดีขึ้นให้ได้” เพราะมีข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทย ว่า อำเภอปรางค์กู่เป็นอำเภอที่ยากจนที่สุดของจังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัด
ศรีสะเกษ เป็นจังหวัดที่ยากจนที่สุดในประเทศไทย
     ร.ต.ต.วิชัย สุริยุทธ ได้ปฏิบัติงานโดยมุ่งเน้นในเรื่องปัจจัย 4 ให้เป็นรูปธรรมด้วยการรณรงค์ปลูกต้นไม้ เพราะสภาพพื้นที่ของ
อำเภอปรางค์กู่นั้นเป็นทุ่งนา ต้นไม้ที่รณรงค์ให้ปลูกเป็นต้นไม้ที่โตเร็ว กินได้ ลำต้นใช้ปลูกบ้านเรือนเพื่ออยู่อาศัยหรือสามารถนำ
ไปใช้ประโยชน์อื่น ๆ ได้ เป็นสมุนไพรด้วย เช่น ปลูกยางนา ต้นตาล ต้นคูณ ต้นขี้เหล็ก ต้นทิ้งท่อน เป็นต้น โดยรณรงค์ ให้ช่วยกัน
ปลูกและลงมือปลูกเองมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531 จนถึงปัจจุบัน
    
นอกจากนี้ยังรณรงค์ให้ชาวบ้านเปลี่ยนจากการทำนาปีมาเป็นการทำไร่นาสวนผสมอีกด้วย เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2543 อำเภอ
ปรางค์กู่จัดให้มีการอบรมชาวบ้าน ทั้ง 10 ตำบล ร.ต.ต.วิชัย สุริยุทธ จึงได้สอบถามประชามติผู้เข้าอบรมทั้งหมดว่า หากกำหนดให้
คำขวัญ ของอำเภอปรางค์กู่มีข้อความว่า “ปรางค์กู่อยู่ในป่ายาง กลางดงตาล บานสะพรั่งดอกคูณ บริบูรณ์ไร่นาสวนผสม” จะยอมรับ
หรือไม่ ผู้เข้าอบรมต่างตกลงร่วมใจกันมีมติให้ใช้คำขวัญนี้ อำเภอปรางค์กู่จึงมีคำขวัญประจำอำเภอดังกล่าวและใช้มาจนถึงปัจจุบัน
     ร.ต.ต.วิชัย สุริยุทธ ได้ปลูกต้นไม้ และมีการรณรงค์ทุกรูปแบบเพื่อทำกิจกรรมร่วมกับชาวบ้าน ด้วยความวิริยะ อุตสาหะมา
โดยตลอด จนเป็นที่ยอมรับของชาวอำเภอปรางค์กู่และสังคมทั่วไป ได้รับรางวัลเกียรติคุณมากมาย

ด้านกองทุนและธุรกิจชุมชน
กลุ่มเครื่องปั้นดินเผาบ้านโก
     กลุ่มเครื่องปั้นดินเผาบ้านโก จัดตั้งกลุ่มเมื่อ พ.ศ. 2546 มีจำนวนสมาชิกในกลุ่ม 75 ครัวเรือน หน่วยงานที่ให้การสนับสนุนในการตั้งกลุ่ม คือ
องค์การบริหารส่วนตำบลส้มป่อย
สถานที่ติดต่อ
     นายบรรหาร ทองสุทธิ์ บ้านเลขที่ 1 หมู่ที่ 3 บ้านโก ตำบลส้มป่อย อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ 33160
ผลงาน-ความสามารถ
     กลุ่มเครื่องปั้นดินเผาบ้านโก เป็นกลุ่มที่สามารถทำเครื่องปั้นดินเผาได้หลายชนิด เช่น หม้อ อ่างเลี้ยงปลา แจกัน ได้อย่างสวยงามและคงทน
เป็นที่ยอมรับและเป็นที่รู้จักกันทั่วไป กลุ่มมีรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่อเดือนประมาณ 20,000 – 30,000 บาท







กลุ่มหัตถกรรมกก ผือ ทาม
     กลุ่มหัตถกรรมกก ผือ ทาม จัดตั้งกลุ่มเมื่อ พ.ศ. 2536 มีจำนวนสมาชิกในกลุ่ม 15 คน หน่วยงานที่ให้การสนับสนุนในการตั้งกลุ่ม คือ กรมพัฒนา
ฝีมือแรงงานจังหวัดศรีสะเกษ

สถานที่ติดต่อ
     นางรำพัน จันทะศร บ้านด่าน ตำบลด่าน อำเภอราศีไศล จังหวัดศรีสะเกษ 33160
ผลงาน-ความสามารถ
     กลุ่มหัตถกรรมกก ผือ ทาม เป็นกลุ่มคนที่มีความสามารถในการนำเอกกก ผือ ทาม มาทอเป็นเสื่อ หมอน กระเป๋า กล่องใส่กระดาษชำระ ถาด
จานรอง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติที่มีอยู่ในท้องถิ่น มีความสวยงามคงทน ไม่ย้อมสี กลุ่มมีรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ประมาณ
4,000 บาท ต่อเดือน






กลุ่มผลิตเกวียนน้อยบ้านใจดี
     กลุ่มผลิตเกวียนน้อยบ้านใจดี หน่วยงานที่ให้การสนับสนุนในการตั้งกลุ่ม คือศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนและสำนักงานพัฒนาชุมชน
อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ

สถานที่ติดต่อ
     นายสมเกียรติ เตารัตน์ บ้านเลขที่ 3 หมู่ที่ 10 ตำบลใจดี อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ 33140
ผลงาน – ความสามารถ
     เกวียน เป็นพาหนะที่ชาวเมืองขุขันธ์ในอดีตใช้สำหรับเดินทางและบรรทุกสัมภาระหรือสิ่งของ ใช้วัว 2 ตัว เป็นแรงงานลากจูงแทนคน และ
เครื่องจักร สมัยก่อนนั้นครอบครัวที่มีฐานะดีหรือข้าราชการเท่านั้นที่จะมีเกวียนใช้ใน ครอบครัว เหตุที่เรียกว่า เกวียนน้อยบ้านใจดี เนื่องจาก
ชาวบ้านใจดี ได้ทำเกวียนเลียนแบบเกวียนที่ใช้งานจริง แต่ให้มีขนาดเล็ก เพื่อใช้ประดับตกแต่งและเป็นของที่ระลึกได้ กลุ่มผลิตเกวียนน้อย
บ้านใจดี สามารถผลิตเกวียนน้อยจำหน่ายให้เกิดรายได้เสริมและสร้างชื่อเสียงให้กับชาว บ้านใจดีและอำเภอขุขันธ์ เป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังเป็น
ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน เป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ของอำเภอขุขันธ์ด้วย






กลุ่มครุน้อยบ้านสะอาง
     กลุ่มครุน้อยบ้านสะอาง มีจำนวนสมาชิกในกลุ่ม 40 คน หน่วยงานที่ให้การสนับสนุนในการตั้งกลุ่ม คือ ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียน
และสำนักงานพัฒนาชุมชน อำเภอขุขันธ์ อุตสาหกรรมจังหวัดศรีสะเกษ พานิชณ์จังหวัดศรีสะเกษ และอบต.ห้วยเหนือ

สถานที่ติดต่อ
     นางสาวเอ็นดู ศรีแก้ว บ้านสะอาง หมู่ที่ 12 ตำบลห้วยเหนือ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ 33140
ผลงาน-ความสามารถ
     ครุ เป็นภาชนะตักน้ำของชาวบ้านภาคอีสาน ซึ่งสานมาจากไม้ไผ่ นำมาลงน้ำมันยางและชัน สามารถกักเก็บน้ำได้ ชาวบ้านบ้านสะอาง เป็นผู้ที่มี
ฝีมือในการจักสานไม้ไผ่เป็นของใช้ได้หลายชนิด โดยเฉพาะครุไม้ไผ่ ซึ่งมีความผูกพันกับชีวิตประจำวันของทุกคนในครอบครัว เพราะใช้บรรจุน้ำ
ตักน้ำ มาตั้งแต่บรรพบุรุษ แต่ปัจจุบันไม่มีใครใช้แล้ว ต่อมาจึงได้สานครุให้มีขนาดเล็กลง เรียกว่า “ครุน้อย” เพื่อพัฒนารูปแบบให้เป็นของ
ตกแต่งบ้าน ของใช้ ของที่ระลึก พวงกุญแจ ดอกไม้ พวงผลไม้ เข็มกลัดติดเสื้อฯลฯ ซึ่งผู้สานจะต้องใช้ความอดทนและความประณีตเป็นอย่างมาก
เนื่องจากต้องเหลาไม้ไผ่ให้มีขนาดเล็กเท่ากับเส้นผมหรือเส้นด้าย แล้วใช้ปลายนิ้วค่อย ๆ สอดให้เป็นรูปร่าง จากนั้นเติมแต่งให้เป็นขา และส่วน
ที่เป็นหู แล้วนำไปชุบกับน้ำมันยางและชัน ก็จะได้ครุน้อยตามต้องการ กลุ่มครุน้อยบ้านสะอาง มีรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่อเดือนประมาณ
5,000 บาท







ชมรมไก่ย่างไม้มะดันห้วยทับทัน

สถานที่ติดต่อ

     นายปกรณ์ รัตนถาวร บ้านเลขที่ 153 หมู่ที่ 1 บ้านห้วยทับทัน ตำบลห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ 33210
ผลงาน – ความสามารถ
     ไก่ย่างไม้มะดันห้วยทับทันมีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2480 เดิมมีการย่างไก่ประมาณ 4 - 5 ราย ยังไม่แพร่หลาย โดยส่วนมากเมื่อย่างเสร็จจะนำใส่ตะกร้า
ขึ้นไปจำหน่ายบนรถไฟ เนื่องจากอำเภอห้วยทับทันมีสถานีรถไฟสายอุบลราชธานี – กรุงเทพฯ ผ่าน ต่อมาได้มีการสร้างทางหลวงหมายเลข 226 ผ่าน
อำเภอ ซึ่งเป็นทางสัญจรระหว่างจังหวัดศรีสะเกษ ไปยังจังหวัดสุรินทร์และกรุงเทพฯ จึงมีการขยายร้านมาจำหน่ายริมทางหลวง โดยทำเป็นแผง
จำหน่ายชั่วคราว จนมาเป็นร้านจำหน่ายในปัจจุบัน ซึ่งมีมากกว่า 40 ร้าน เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป เนื่องจากเป็นที่เดียวที่ใช้ไม้มะดันเป็นไม้สำหรับ
ย่างไก่ ซึ่งไม้ชนิดนี้มี  คุณสมบัติพิเศษ คือ มีกลิ่นหอม ออกรสเปรี้ยว ทนความร้อนได้ดี และเมื่อนำมาคีบไก่เพื่อย่างจะช่วยเพิ่มรสชาติให้ไก่มีความ
หอมอร่อยมากยิ่งขึ้น ไก่ย่างไม้มะดันห้วยทับทัน ได้รับคัดสรรเป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ระดับ 5 ดาว







กลุ่มอาชีพสตรีบ้านห้วย

     กลุ่มอาชีพสตรีบ้านห้วย มีจำนวนสมาชิกในกลุ่ม 30 คน หน่วยงานที่ให้การสนับสนุนในการตั้งกลุ่ม คือ สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอศรีรัตนะ
สถานที่ติดต่อ
     นางสนิท เทียนชัย บ้านเลขที่ 76 หมู่ที่ 8 บ้านกล้วย ตำบลสระเยาว์ อำเภอศรีรัตนะ จังหวัดศรีสะเกา 33240
ผลงาน-ความสามารถ
     กลุ่มอาชีพสตรี บ้านห้วย เป็นกลุ่มที่ผลิตกระเทียมโทนดองน้ำผึ้ง มี 3 รส คือ เปรี้ยว หวาน เค็ม สะอาด ปลอดภัย คงความกรอบหอมของกระเทียม
ไว้เหมือนเดิม ไม่มีสารกันบูด และเก็บไว้ได้นาน เหมาะสำหรับการบริโภคและซื้อหาเป็นของฝาก กลุ่มมีรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประมาณ
เดือนละ 25,000 บาท







กลุ่มลูกประคบสมุนไพรสูตรแม่สุพันธ์
     กลุ่มลูกประคบสมุนไพรสูตรแม่สุพันธ์ มีจำนวนสมาชิกในกลุ่ม 10 คน หน่วยงานที่ให้การสนับสนุนในการตั้งกลุ่ม ได้แก่ ศูนย์บริการการศึกษา
นอกโรงเรียน อำเภอขุขันธ์ สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอขุขันธ์ และโรงพยาบาลขุขันธ์

สถานที่ติดต่อ
     นายสมพงษ์ บุตรวงค์ บ้านเลขที่ 68/1 บ้านอาวอยพัฒนา ตำบลโสน อำเภอขุขันธ์ จงหวัดศรีสะเกษ 33140
ผลงาน-ความสามารถ
     แม่สุพันธ์ เป็นผู้ที่มีความรู้ในด้านสมุนไพร การทำลูกประคบสมุนไพรสูตรโบราณของแม่สุพันธ์ มีความเป็นมาจากแม่สุพันธ์มีอาการเจ็บกระดูก ปวดเมื่อยตามร่างกาย เมื่อไปรักษากับแพทย์แผนปัจจุบัน อาการก็เพียงทุเลาลงในระยะหนึ่ง แม่สุพันธ์จึงได้นำสมุนไพรที่มีอยู่ในท้องถิ่น มาทำเป็น
ลูกประคบรักษาตนเอง อาการเจ็บปวด กลับดีขึ้น จึงได้เผยแพร่ความรู้และวิธีการทำลูกประคบให้กับชาวบ้านในหมู่บ้านตนเองและ หมู่บ้านใกล้เคียง ต่อมาจึงได้รับการสนับสนุนให้ตั้งกลุ่มแม่บ้านทำลูกประคบสมุนไพร สูตรแม่สุพันธ์ขึ้น ลูกประคบสมุนไพรสูตรแม่สุพันธ์ ได้รับการคัดสรรเป็นสินค้า
หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ มีสรรพคุณใช้ในการรักษาโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด ระยะไม่มีอาการรุนแรง โรคหวัด แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย รักษาสุขภาพ
ของมารดาหลังคลอดบุตรหรือใช้ร่วมกับการรักษาอื่น ๆ เช่น หัตถเวชกรรม


ด้านศิลปกรรม





พระครูวิเวกธรรมาจารย์ (หลวงปู่รอด ถิรคุณโณ)
     พระครูวิเวกธรรมาจารย์ หรือหลวงปู่รอด ถิรคุณโณ เจ้าอาวาสวัดป่ามหาเจดีย์แก้ว (วัดล้านขวด) เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๗
ที่อยู่ปัจจุบัน
     วัดป่ามหาเจดีย์แก้ว (วัดล้านขวด) เลขที่ ๕๕ หมู่ที่ ๒ ตำบลโนนสูง อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ
ผลงาน-ความสามารถ
     พระครูวิเวกธรรมาจารย์ เป็นพระที่มีความสามารถทางศิลปะ ได้นำเอาขวดเครื่องดื่มทุกชนิดมาประดับตกแต่งโบสถ์ ฝาผนัง ศาลา เมรุ และ
ห้องสุขาจนเป็นที่เลื่องลือในศิลปะความงามของสิ่งปลูกสร้างของวัดที่ตกแต่ง ด้วยขวด จนเป็นที่มาของชื่อวัดล้านขวด ถือเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญ
ของอำเภอขุนหาญ
สาเหตุที่นำขวดมาสร้างวัด
แรงบันดาลใจที่ทำให้พระครูวิเวกธรรมาจารย์ สร้างศิลปะจากขวดเครื่องดื่มต่าง ๆ เพราะ
๑. อยากนำสิ่งที่ไม่ใช้แล้วมาทำให้เกิดประโยชน์
๒. เป็นการประหยัดสีหรือค่าใช้จ่ายในการตกแต่ง
๓. เป็นปริศนาธรรมให้ญาติโยมได้พิจารณาว่าขวดเกิดจากแก้ว คำว่า “แก้ว” เป็นของดี เป็นของมีค่า ม่ว่าจะเอาไปทำอะไรหรือนำไปเป็นภาชนะ
บรรจุอะไร สิ่งที่เป็นแก้วก็ยังคงเป็นแก้วล้ำค่าอยู่เช่นเดิม
๔. เป็นคติธรรมให้ข้อคิดญาติโยมว่า เมื่อมาวัดให้เข้าถึงวัด วัดจิตใจของตัวเอง ฝึกหัดขัดถูจิตใจให้ใสเหมือนแก้ว เมื่อเป็นแก้วแล้วจะเอาไป
ทำอะไรประดับสิ่งใด ก็จะเป็นสิ่งที่มีค่า มีราคา และสวยงามอยู่เสมอ












นายทองแดง หาญท้าว
     นายทองแดง หาญท้าว เกิดเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๑ อาชีพทำนา
ที่อยู่ปัจจุบัน
     บ้านเลขที่ ๒๑๗ หมู่ที่ ๒ บ้านเบ๊าะ ตำบลบึงบูรพ์ อำเภอบึงบูรพ์ จังหวัดศรีสะเกษ ๓๓๒๒๐
ผลงาน-ความสามารถ
     นายทองแดง หาญท้าว เป็นผู้มีความรู้ความสามารถในการแกะลายบั้งไฟ ลายเมรุลอยเผาศพ ลายหอกฐิน โดยการแกะลายบนกระดาษ
และนำมาแปะลงบนบั้งไฟหรือวัตถุที่ต้องการจะตกแต่ง (ชาวบ้านเรียกว่า การสับลายกระดาษ) ลวดลายหลักที่แกะอยู่เสมอ คือ ลายกระดาน (คล้ายรูปพัด) ลายกนก และลายประจำยาม








นายสิงห์ คำเริญ

     นายสิงห์ จำเริญ เกิดเมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๗ อาชีพ ทำนา
ที่อยู่ปัจจุบัน
บ้านเลขที่ ๙ หมู่ที่ ๔ บ้านฝึ้ง ตำบลหนองแค อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ ๓๓๑๖๐
ผลงาน-ความสามารถ
นายสิงห์ จำเริญ มีความสามารถในการทำหนังตะลุง โดยเริ่มฝึกหัดทำมาตั้งแต่อายุ ๑๖ ปี เป็นผู้บุกเบิกทำหนังตะลุงด้วยตนเอง ซึ่งการแสดง
ส่วนใหญ่ จะเล่นเรื่องรามเกียรติ์ ประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๔๐-๒๕๔๒ ได้นำไปแสดงที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยในการละเล่น ๔ ภาค และนำไปแสดงที่จังหวัดตรังร่วมกับวัดขนอน นอกจากนี้ยังเป็นอาจารย์พิเศษสอนการแสดงหนังตะลุงให้กับนักเรียนโรงเรียน บ้านเพียมาตร นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยมหาสารคามด้วย ในการนำหนังตะลุงไปแสดงทุกครั้งจะต้องเล่น
ดนตรีสด จึงมีผู้ร่วมวงประมาณ ๒๐ คน ราคาค่าจ้างในแต่ละครั้ง ถ้าเป็นการแสดงในจังหวัดคิดครั้งละ ๑๒,๐๐๐ บาท แต่ถ้าเป็นนอกเขตจังหวัด
ครั้งละ ๓๐,๐๐๐ บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับระยะทาง






นางบุญเริ่ม บัลลังก์
     นางบุญเริ่ม บัลลังก์ เกิดเมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๑ อาชีพทำนา
ที่อยู่ปัจจุบัน
     บ้านเลขที่ ๙๔ หมู่ที่ ๑๑ บ้านดวนใหญ่ ตำบลดวนใหญ่ อำเภอวังหิน จังหวัดศรีสะเกษ ๓๓๒๗๐
ผลงาน-ความสามารถ
     นางบุญเริ่ม บัลลังก์ เป็นหัวหน้าคณะกลองยาวคณะ “บัลลังก์ทองกลองยาว” ได้ตั้งคณะขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๔ ที่มีสมาชิกทั้งหมด ๒๕ คน
ซึ่งเป็นชาวบ้านดวนใหญ่ทั้งหมด ได้ออกเดินสายรับงานในเทศกาลต่าง ๆ มากมาย การแสดงของคณะบัลลังก์ทองกลองยาว เป็นที่ยอมรับ
และชื่นชอบแก่ผู้พบเห็นการแสดงยิ่งนัก
เกียรติคุณที่ได้รับ
     คณะ “บังลังก์ทองกลองยาว” ได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดกลองยาวในเทศกาลเงาะทุเรียน ประจำปี ๒๕๔๘ ของจังหวัดศรีสะเกษ












นายสมนึก รัตนโพธิ์

     นายสมนึก รัตนโพธิ์ เกิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๙ อาชีพทำนา
ที่อยู่ปัจจุบัน
     บ้านเลขที่ ๖๙ หมู่ที่ ๙ บ้านเบ๊าะ ตำบลบึงบูรพ์ อำเภอบึงบูรพ์ จังหวัดศรีสะเกษ ๓๓๒๒๐
ผลงาน-ความสามารถ
     นายสมนึก รัตนโพธิ์ เป็นหมอแคนที่มีชื่อเสียงของอำเภอบึงบูรพ์ รู้จักกันดีในชื่อ “แลตาบอด” สามารถเป่าแคนได้ทั้งเพลงลูกทุ่ง หมอลำ
ไทยเดิม เมื่อครั้งเป็นหนุ่ม เคยเป็นหมอแคนให้กับคณะหมอลำ ปัจจุบันเป็นวิทยากรสอนการเป่าแคนให้กับนักเรียนวงโปงลางโรงเรียน
บ้านหนองคู โรงเรียนบึงบูรพ์ และผู้สนใจทั่วไป โดยคิดค่าสอนชั่วโมงละ ๑๐๐ บาท
เกียรติคุณที่ได้รับ
     นายสมนึก รัตนโพธิ์ เคยได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดเป่าแคนในงานวันมรดกไทย จังหวัดศรีสะเกษ ๒ ปีซ้อน







นายสุคิด  ถาวร
     นายสุคิด ถาวร เกิดเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ อาชีพ ทำนา
ที่อยู่ปัจจุบัน
     หมู่ที่ ๑๓ บ้านหัวเสือ ตำบลหัวเสือ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ ๓๓๑๔๐
ผลงาน-ความสามารถ
     นายสุคิด ถาวร เป็นผู้มีความรู้ความสามารถด้านดนตรี มีความสนใจในการเป่าปี่ เป่าขลุ่ย และสีซอมาตั้งแต่เด็ก เมื่ออายุ ๑๒ ปี ได้เริ่มเข้าร่วมวงปี่พาทย์ประจำหมู่บ้านหัวเสือ และไปร่วมบรรเลงเพลงในงานต่าง ๆ กับวงปี่พาทย์ของหมู่บ้านโดยไม่รับค่าแรง เมื่อมีโอกาสก็ขอฝึกหัดเครื่องดนตรีชนิดต่าง ๆ จนสามารถบรรเลงเครื่องดนตรีได้ทุกชนิด พออายุได้ ๑๗ ปี จึงได้เริ่มศึกษาวิธีการ
ทำปี่ ทำระนาด จนมีทักษะพอที่จะทำได้ ปัจจุบันได้ผลิตเครื่องดนตรีไทย เช่น ปี่ใน กลอง ตะโพน ระนาด เพื่อใช้ในวงหรือจำหน่าย และรับซ่อมแซมเครื่องดนตรีไทยให้กับสถานศึกษาและวัดหลายแห่ง  นายสุคิด ถาวร เป็นผู้มีความรู้ความสามารถด้านดนตรีเป็นที่
ยอมรับ จึงได้รับเชิญเป็นวิทยากรท้องถิ่นสอนดนตรีไทยที่โรงเรียนขุขันธ์วิทยา โรงเรียนบ้านหัวเสือ และโรงเรียนบ้านสำโรงตาเจ็น
เกียรติคุณที่ได้รับ
๑. รางวัลครอบครัวดีเด่นด้านวัฒนธรรม ประจำอำเภอขุขันธ์
๒. รางวัลชนะเลิศการแข่งขันเป่าปี่ ประจำปี 2539 ในงานเปิดพิพิธภัณฑ์ 4 เผ่าไทย จังหวัดศรีสะเกษ
๓. รางวัลชนะเลิศการประกวดวงปี่พาทย์อีสานใต้ สภาวัฒนธรรมอำเภอขุขันธ์ ปี 2540



 
นายโชติ เทาศิริ
     นายโชติ เทาศิริ เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๙ อาชีพทำนา
ที่อยู่ปัจจุบัน
     บ้านเลขที่ ๒๓ หมู่ที่ ๑๘ บ้านนาเหนือ ตำบลภูเงิน อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ๓๓๑๑๐
ผลงาน-ความสามารถ
     นายโชติ เทาศิริ มีความสามารถด้านดนตรี สามารถเล่นดนตรีพื้นบ้านได้เกือบทุกชนิด






นายคมสันต์  สุโพธิ์
ที่อยู่ปัจจุบัน
     บ้านเลขที่ ๗๖ หมู่ที่ ๑๑ บ้านโพธิ์ ตำบลคลีกลิ้ง อำเภอศิลาลาด จังหวัดศรีสะเกษ ๓๓๑๖๐
ผลงาน-ความสามารถ
     นายคมสันต์ สุโพธิ์ มีความสามารถด้านการแสดง เป็นหมอลำที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในจังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดใกล้เคียง มีความสามารถ
ในการแต่งเนื้อร้องหมอลำ  เคยเป็นหมอลำในคณะของพรศักดิ์ ส่องแสง คณะทองมัย มาลี และคณะรุ่งโรจน์ เพชรธงชัย ปัจจุบันได้ตั้งคณะหมอลำ
ของตนเอง ชื่อคณะ สนั่น สมใจ










นายผึ้ง  จันครา
     นายผึ้ง  จันครา เกิดเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ อาชีพทำนา
ที่อยู่ปัจจุบัน
     บ้านเลขที่ ๔๕ หมู่ที่ ๑๖ บ้านสำโรงตาเจ็น ตำบลตาเจ็น อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ ๓๓๑๔๐
ผลงาน-ความสามารถ
     นายผึ้ง  จันครา เป็นผู้ที่มีความสามารถในการเล่นเครื่องดนตรีไทยได้ทุกประเภท และสามารถผลิตเครื่องดนตรีไทย เช่น ซอด้วง ซออู้ ขลุ่ย
เพื่อใช้ในวงและจำหน่ายอีกด้วย
     นายผึ้ง  จันครา เป็นผู้ที่ เสียสละและอุทิศตนเพื่อส่วนรวม ได้ให้ความช่วยเหลือองค์กรเครือข่ายทุกครั้ง ที่มีโอกาส เป็นผู้สีซอในการแสดง
กันตรึมขุขันธ์ไปร่วมงานแข่งขันดนตรีพื้นบ้านอีสานใต้ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีที่จังหวัดบุรีรัมย์
เป็นคณะกรรมการบริหารสภาวัฒนธรรมตำบลสำโรงตาเจ็น และเป็นวิทยากรท้องถิ่นในการสอนดนตรีไทยโรงเรียนในเขตบริการของตำบล
หัวเสือ และตำบลสำโรงตาเจ็น




นายสามศร ณ เมืองศรี

      นายสามศร ณ เมืองศรี เป็นชาวศรีสะเกษโดยกำเนิด ถึงแก่กรรมแล้ว เป็นผู้บุกเบิกการร้องเพลงในรุ่นแรกของศรีสะเกษ โดยการอัดแผ่นเสียงของตนเอง ด้วยเพลงที่มีชื่อเสียงหลายเพลง ซึ่งควรรื้อฟื้นนำมาขับร้องใหม่








นางฉันทนา กิตติพันธ์
     นางฉันทนา  กิตติพันธ์   เคยมีภูมิลำเนาและเรียนหนังสือที่จังหวัดศรีสะเกษ ในวัยเด็กเป็นนักร้อง นักแสดง เพลงที่มีชื่อเสียงคือ
เพลงข้าวนอกนา ต่อมาเป็นนักแสดงในละครโทรทัศน์ และเป็นผู้จัดรายการ โดยมีบุตรสาวเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงด้วย คือ
นางสาวเสาวลักษณ์ ลีลาบุตร หรือ แอม







นกน้อย อุไรพร

      นกน้อย  อุไรพร เดิมชื่อ อุไร  สีหะวงษ์  เกิดเมื่อวัน ที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ ที่บ้านจอม  ตำบลบึงบอน อำเภอยางชุมน้อย จังหวัดศรีสะเกษ

ผลงาน-ความสามารถ
  เป็นเจ้าของวงดนตรเสียงอีสาน  ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นวงดนตรีหมอลำลูกทุ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย ต่อเนื่องยาวนานหลายปี 
ดนตรีวงนี้นำการแสดงและบริหารงานโดยนกน้อย  อุไรพร หรือ อุไร  สีหะ วงษ์ ซึ่งเป็นชาวจังหวัดศรีสะเกษที่ต่อสู้ชีวิตด้วยความมานะบากบั่น
จนประสบความสำเร็จอย่างสูงยิ่ง แม้การแสดงบนเวที การอัดแผ่นเสียง บันทึกเสียงหรือบันทึกการแสดง ได้รับความชื่นชมจากทุกภูมิภาค
เกิดจากผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่น ได้สร้างนักร้อง ประจำวงที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก เช่น ลูกแพร อุไรพร ไหมไทย อุไรพร
ปอยฝ้าย  มาลัยพร ๔ ดาวรุ่ง ลุงยง ยายแหลม
     นกน้อย  อุไรพร  เป็นคนกตัญญู  ทุกปีจะบริจาคเงินเพื่อสาธารณประโยชน์ และกลับมาทำบุญที่บ้านไม่เคยขาด เช่น สร้างศาลาหลวงพ่อโต
วัดจอมพระ บริจาคเพื่อการศึกษา สาธารณสุข และอื่นๆ อยู่เป็นประจำ นับว่าเป็นบุคคลสำคัญที่ชาวศรีสะเกษควรภาคภูมิใจ
เกียรติคุณที่ได้รับ   ได้รับพระราชทานเข็มกลัดทองคำจากพระหัตถ์ของพระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร  ในผลงานเพลง "ภาพถ่ายวิญญาณรัก"





นายยิ่งยง ยอดบัวงาม
      ยิ่งยง  ยอดบัวงาม  เดิมชื่อ นายประยงค์  บัวงาม เกิดเมื่อวัน ที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๐๕ ที่บ้านโคกโพน หมู่ที่ ๑ ตำบลกันทรารมย์ อำเภอขุขันธ์
จังหวัดศรีสะเกษ
ผลงาน-ความสามารถ  เป็นผู้ที่มีความสามารถ ด้านการร้องเพลงและการแสดง  เข้าอยู่ในวงการเพลงลูกทุ่งเป็นเวลานาน ถึง ๒๔ ปีแล้ว  เพลงที่สร้างชื่อเสียงคือ สมศรี ๑๙๙๒ และมีผลงานที่สำคัญสร้างชื่อเสียงมากมาย ทั้งงานเพลง งานละคร และภาพยนตร์





สุดา  ศรีลำดวน
     สุดา  ศรีลำดวน   เป็นชาวบ้านโนนดู่  ตำบลหนองไฮ  อำเภอเมือง  จังหวัดศรีสะเกษ
ผลงาน-ความสามารถ  สุดา  ศรีลำดวน  มีความสามารถในการร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะความยากจน จึงไม่ได้เรียนต่อ เมื่อจบชั้น
ประถมศึกษาปีที่ ๖ จึงต้องไปทำงานรับจ้างที่กรุงเทพฯ เป็นคนสู่ชีวิต อดทน มุ่งมั่น และมีความกตัญญูต่อสู้ชีวิตจนได้ดี
     สุดา  ศรีลำดวน  เป็นนักร้องมีผลงานเพลงมากมาย เช่น ชุดน้าเขย ชุดหล่อคักคัก ชุดน้องเมีย เป็นต้น นอกจากนี้ยังเป็นนักแสดงด้วย
เช่น แสดงภาพยนตร์เรื่อง  ผาแดงนางไอ่  ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ เมื่อพอมีฐานะ มั่นคง  จึงได้เปิดร้านคาราโอเกะเล็กๆ แถวหนองแขม ฝั่งธนบุรี
ขายอาหารอีสานให้แก่พี่น้องชาวอีสานลูกค้าทั่วไป  สุดา  ศรีลำดวน  มีความ ภาคภูมิใจในความเป็นชาวศรีสะเกษที่ต่อสู้ชีวิตด้วยความมุมานะ
บากบั่น  ซื่อสัตย์ และอดทน  จนก้าวพ้นปัญหาได้

ด้านภาษาและวรรณกรรม



นายประทีป โรจนกาศ
     นายประทีป โรจนกาศ เกิดเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2469 อาชีพข้าราชการบำนาญ
ผลงาน-ความสามารถ
     นายประทีป โรจนกาศ เป็นผู้มีความสามารถด้านการบริหารการศึกษา และมีความสามารถในการแต่งเพลง โดยเขียนเพลงแรกขณะศึกษา
อยู่ที่สหรัฐอเมริกา ชื่อเพลงสายน้ำทิพย์ เมื่อสำเร็จการศึกษาได้เขียนเพลงในโอกาสต่าง ๆ เช่น การอบรมครู การสัมมนาผู้บริหาร การอบรม
ชาวบ้าน การสัมมนาคณะกรรมการการประถมศึกษาจังหวัด และการอบรมผู้บริหารการศึกษาตามโครงการของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
รวมทั้งสิ้นกว่า 100 เพลง ตัวอย่างเพลงที่แต่ง เช่น เพลงอนุสาวรีย์เราสู้ เกิดเป็นคนไทย ยุวกาชาด สาวเมืองเหนือ เชียงรายสุดแดนสยาม
แสงธรรมแสงเทียน สัมมนา กปจ. สุขใจวันวิวาห์ ลายสือไทย รำพันไทยดำ เที่ยวอิตาลี – สเปน ลาก่อน ผอ.ปจ. ลาก่อนนครพนม ไชโย
วันดี คำเอี่ยม เพลงบรรยายสภาพจังหวัด 3 จังหวัด คือ เพลงบุรีรัมย์เมืองแป๊ะ (จังหวัดบุรีรัมย์) เพลงโอ้ละหนอเมืองศรีสะเกษ (จังหวัดศรีสะเกษ)
และเพลงนครพนมริมลำโขง (จังหวัดนครพนม) ซึ่งเป็นจังหวัดที่เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการการประถมศึกษาจังหวัดมาก่อน
เกียรติคุณที่ได้รับ
     
  พ.ศ. 2547 ได้รับรางวัลชนะเลิศ ในการประกวดเพลงประจำจังหวัดศรีสะเกษ ชื่อเพลงศรีสะเกษอีสานใต้ ซึ่งถือเป็นเพลงประจำจังหวัด
ศรีสะเกษในปัจจุบัน





 
นางนารีรัตน์ คำแสนราช
นางนารีรัตน์ คำแสนราช เกิดเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2491 อาชีพทำนา
ที่อยู่ปัจจุบัน
บ้านเลขที่ 171 หมู่ที่ 2 บ้านตูมน้อย ตำบลภูเงิน อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ 33110
ผลงาน-ความสามารถ
นางนารีรัตน์ คำแสนราช มีความสามารถด้านภาษาและวรรณกรรม สามารถอ่านและเขียนภาษาเขมรได้ และเคยเป็นอาจารย์สอนพิเศษวิชา
ภาษาเขมรให้กับนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ
ด้านปรัชญา ศาสนา ประเพณี



พระเทพวรมุนี (วิบูลย์ กลฺยาโณ)
     พระเทพวรมุนี (วิบูลย์ กลฺยาโณ) เกิดเมื่อวันที่ ๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเจียงอีศรีมงคลวราราม
(พระอารามหลวง) เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ และหัวหน้าพระธรรมทูตจังหวัดศรีสะเกษ

ผลงาน-ความสามารถ
    
 พระเทพวรมุนี เป็นพระสงฆ์ที่มีความคล่องตัวในด้านต่าง ๆ สนใจในการค้นคว้าอ่านหนังสือมาก ชอบเขียนเอกสารบทความต่าง ๆ มีพรสวรรค์
ในด้านวาทศิลป์ เป็นนักพูด นักปาฐกถา เทศน์ หรือบรรยายธรรม เป็นพระนักพัฒนาที่เปี่ยมด้วยภูมิรู้ ภูมิธรรม สามารถปรับใช้ความรู้ และ
ประสบการณ์ในการปฏิบัติภารกิจที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศชาติอย่างอเนกอนันต์ ทั้งงานด้านการปกครอง งานการศึกษา
งานการเผยแพร่ งานสาธารณูปการ และการบำเพ็ญประโยชน์

สมณศักดิ์ โล่ และเกียรติคุณที่ได้รับ
๑. พ.ศ. ๒๕๑๓ ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร รองเจ้าคณะอำเภอชั้นโท ในราชทินนามที่ “ พระครูวิจิตรธรรมวาที ”
๒. พ.ศ. ๒๕๒๑ ได้รับพระราชทานเลื่อนชั้นพระสังฆาธิการเป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะอำเภอชั้นเอก ในราชทินนามเดิม
๓. พ.ศ. ๒๕๒๕ ได้รับพระราชทานเลื่อนชั้นพระสังฆาธิการเป็นพระครูสัญญาบัตร รองเจ้าคณะจังหวัดชั้นพิเศษในราชทินนามเดิม
๔. พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญเปรียบ (สป.) ในราชทินนามที่ “ พระวิบูล ธรรมวาที ”
๕. พ.ศ. ๒๕๓๔ ได้รับพระราชทานตาลปัตร ย่าม ผ้าไตร และเหรียญเกียรติยศ จากสมเด็จพระสังฆราช ในนามเจ้าอาวาสวัดสุพรรณรัตน์ (วัดบ้านพราน)
ที่กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศยกย่องเป็นวัดพัฒนาตัวอย่างดีเด่น
๖. พ.ศ. ๒๕๓๖ ได้รับพระราชทานโล่เสมาธรรมจักรและเกียรติบัตรจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะผู้ทำ
คุณประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา สาขา ส่งเสริมกิจการคณะสงฆ์
๗. พ.ศ. ๒๕๓๙ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามที่ “ พระราชวรรณเทเวที ”
๘. พ.ศ. ๒๕๔๔ ได้รับโล่เกียรติยศจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรราชวิทยาลัย ในฐานะเป็นวิทยากรพิเศษในการอภิปรายประชุมอบรม
พระนิสิตบัณฑิตพุทธศาสตร์ที่จะออกไปปฏิบัติศาสนกิจก่อนรับปริญญาติดต่อกันหลายปี
๙. พ.ศ. ๒๕๔๗ ได้รับพระราชทาน ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง และได้รับ
พระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ในราชทินนามที่ “ พระเทพวรมุนี ”







นายหอม พฤกษา

     นายหอม พฤกษา เกิดเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๒ อาชีพข้าราชการบำนาญ
ที่อยู่ปัจจุบัน
     บ้านเลขที่ ๒๒๙/๑ หมู่ที่ ๑๔ บ้านตาปิ่น ตำบลห้วยเหนือ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ ๓๓๑๔๐
ผลงาน-ความสามารถ
     นายหอม พฤกษา เป็นผู้มีความสามารถในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาพุทธและพราหมณ์ งานมงคลต่าง ๆ เช่น วางศิลาฤกษ์ ยกช่อฟ้า
ผูกพัทธสีมาอุโบสถ พิธีสู่ขวัญนาค งานมงคลสมรส ขึ้นบ้านใหม่ เป็นต้น

เกียรติคุณที่ได้รับ
     ชนะเลิศการประกวดแข่งขันพราหมณ์สวดบายศรีสู่ขวัญของสภาวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ และเป็นครูสอนจริยธรรมดีเด่น สำนักงาน
การประถมศึกษาจังหวัดศรีสะเกษ ประจำปี ๒๕๔๑





นางสอน ชมพูวงศ์
     นางสอน ชมพูวงศ์ เกิดเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๕ อาชีพทำนา
ที่อยู่ปัจจุบัน
     บ้านเลขที่ ๓๕/๑ หมู่ที่ ๒ บ้านดวนใหญ่ ตำบลดวนใหญ่ อำเภอวังหิน จังหวัดศรีสะเกษ ๓๓๒๗๐
ผลงาน-ความสามารถ
     นางสอน ชมพูวงศ์ เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถและเป็นผู้นำในการทำพิธีรำแม่สะเอิง การรำแม่สะเอิง เป็นการรำที่เกิดจากฝีแม่สะเอิง
เข้าสิงร่างทรง แล้วฟ้อนรำในท่าต่าง ๆ ตามที่ผีแม่สะเอิง ต้องการ ซึ่งคนที่จะเป็นร่างทรงได้นั้น ส่วนใหญ่จะมีอาการเจ็บป่วยไม่หาย จึงให้โหร
ทำนาย หากรู้ว่ามีผีแม่สะเอิงอยากจะเข้าสิงร่างก็จะแต่งเครื่องสังเวยทำพิธีให้แม่ สะเอิงเข้าสิง เพื่อทำการร่ายรำตามที่ต้องการ และเมื่อผีแม่สะเอิง
ออกจากร่าง อาการเจ็บป่วยก็จะหายไป ปัจจุบันการรำแม่สะเอิง จะทำกันเฉพาะเดือนสามของทุกปีเท่านั้น โดยจะทำกันเป็นกลุ่ม มีร่างทรงประมาณ
๑๐-๒๐ คนต่อกลุ่ม คำว่า “ สะเอิง ” หมายถึง “ ครก ” เหตุที่เรียกว่าแม่สะเอิงนั้น เพราะเวลาที่ผีเข้าสิงร่างใคร จะเอาอะไรให้เขาก็ไม่ยอมนอกจาก
สะเอิงหรือครกเท่านั้น







นายอรุณศักดิ์ โอชารส
     นายอรุณศักดิ์ โอชารส เกิดเมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๕ อาชีพรับราชการ ตำแหน่ง ศึกษานิเทศก์
สถานที่ทำงาน
     สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาศรีสะเกษ เขต ๑ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ
ผลงาน-ความสามารถ
     นายอรุณศักดิ์ โอชารส มีความสามารถในการพยากรณ์เกี่ยวกับดินฟ้า อากาศและปริมาณน้ำฝนของแต่ละปี
วิธีสังเกตและพยากรณ์
     ให้สังเกตสภาพธรรมชาติ ดังนี้
     ๑. ความหนาวเย็นของอากาศ นับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงจากปลายฤดูฝน ๒๕๔๗ เป็นฤดูหนาว จนถึงกลางเดือนมีนาคม ๒๕๔๘ จากการสังเกต
ตลอดช่วงเวลาดังกล่าวพบว่า ความหนาวเย็นของอากาศ จะหนาวเย็นลงแต่ช่วงสั้น ๆ แล้วก็กลับมาร้อนระยะหนึ่ง แล้วก็กลับไปหนาวเย็นสลับ
ไปมา ดังนี้ ช่วงแรก ปลายเดือนตุลาคม ๒๕๔๗ ช่วงที่สองปลายเดือนพฤศจิกายน ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๔๗ ช่วงที่สามกลางเดือนธันวาคม ถึงปลายเดือน
ธันวาคม ๒๕๔๗ และหนาวอีกเล็กน้อยช่วงกลางเดือนมกราคม ๒๕๔๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ และหนาวอีกครั้งต้นเดือนมีนาคม ๒๕๔๘ สรุปแล้วความ
หนาวเย็นของอากาศ ตลอดช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา ความหนาวเย็นจะไม่ค่อยสม่ำเสมอ
     ๒. ลักษณะของลมหนาว หลังจากเปลี่ยนจากฝนเป็นหนาวแล้ว พบว่าลักษณะลมหนาวแต่ละครั้งจะมีลมหนาวพัดมีลักษณะหัวลมแรง ๑-๒ วัน
ด้วยความเร็วประมาณ ๓๕ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต่อจากนั้นความเร็วของลมจะลดลงและพัดต่อไปอีกเพียง ๔-๕ วัน ก็จะหยุด โดยจะมีลักษณะเช่นนี้
ทุกช่วงทุกครั้ง ต่อมาลมจะเปลี่ยนทิศลมสงบอากาศร้อนต่อเนื่องประมาณหนึ่งสัปดาห์ ที่น่าสังเกต ปีนี้ลมบนไม่แรงและไม่ค่อยสม่ำเสมอเท่าไรนัก
     ๓. ดูการออกดอกของมะม่วง ซึ่งได้แก่มะม่วงป่า มะม่วงแก้ว มะม่วงอกร่อง เขียวเสวย ดอกมะปรางค์ รวมทั้งดอกพะยอม จากการสังเกตพบว่า
ในช่วงฤดูหนาวปีนี้ มะม่วงออกดอกเป็น ๔ รุ่น ดังนี้
     รุ่นแรกมะม่วงแก้ว น้ำดอกไม้ ออกดอกช่วง ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ ออกประมาณ ๕ %
     รุ่นที่สองช่วงวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๗ โดยจะออกดอกประมาณ ๓๐ %
     รุ่นที่สามช่วงวันที่ ๕-๑๐ มกราคม ๒๕๔๘ โดยจะ ออกดอกประมาณ ๔๐ %
     รุ่นที่สี่ ประมาณวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ และออกดอกหลงอีกในกลางเดือนมีนาคม อีก ๒ % ข้อน่าสังเกตก็คือการออกดอกของมะม่วงปีนี้ส่วนใหญ่
ช่อดอกจะสั้น ยกเว้นช่อดอกช่วงเดือนธันวาคม ปีนี้มะม่วงป่าไม่ออกดอก ส่วนต้นพะยอม จะออกดอกมากในช่วงเดือนมกราคม ๒๕๔๘ บางต้นทิ้งใบ
ออกดอกขาวทั้งต้น ซึ่งข้อมูลข้อที่ ๓ นี้ถือว่าสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะเป็นตัวชี้ว่า ฝนจะเริ่มตกเดือนไหน ฝนใหญ่จะมาประมาณ วันที่เท่าไร เดือนอะไร



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น