วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2556

   
  แหล่งโบราณคดีในจังหวัดศรีสะเกษ

แหล่งโบราณคดีในจังหวัดศรีสะเกษมีมากมายหลายแห่ง ซึ่งกรมศิลปากรได้สำรวจขุดค้นแล้วและยังไม่สำรวจขุดค้น ดังนี้

แหล่งโบราณคดีบ้านหนองคู
     แหล่งโบราณคดีบ้านหนองคู  ตั้งอยู่บริเวณบ้านหนองคู ตำบลจาน อำเภอ เมือง จังหวัดศรีสะเกษ มีลักษณะเป็นเนินดินอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของหนอง คู ซึ่งเป็น
แหล่งน้ำประจำหมู่บ้าน ทางด้านทิศตะวันตกของเนินดินมีคูน้ำล้อมรอบด้วย ส่วน เนินดินทางด้านทิศตะวันออกซึ่งยื่นล้ำเข้าไปในหนองคูนั้น ถูกขุดทำลายเนื่อง มาจาก
การขุดลอกหนองคูในเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๑
     โบราณวัตถุที่พบจากการสำรวจ ได้แก่ ฐานรูปเคารพหินทราย ๔ ชิ้น ชิ้น ส่วนพระพุทธรูปนาคปรกหินทราย ๒ องค์ สภาพไม่สมบูรณ์ โดยชิ้นหนึ่งเหลือเพียง ช่วง
ลำตัวล่างของพระพุทธรูปประทับเหนือขนดนาค ๓ ชั้น อีกชิ้นเป็นพระเศียรแต่หัว นาคหายไป และประติมากรรมที่เรียกว่า รัตนตรัยมหายานนี้ มีลักษณะของศิลปะ เขมร
แบบบายน ซึ่งมีอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘ โบราณวัตถุเหล่านี้เก็บรักษาไว้ที่บ้านของผู้ใหญ่บ้านบ้านหนองคู
     จากโบราณวัตถุที่พบสันนิษฐานว่าบริเวณบ้านหนองคูคงเป็นชุมชนโบราณใน วัฒนธรรมเขมรที่มีการนับถือศาสนาพุทธมหายาน ในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘
บ้านโนนแกด
     ตั้งอยู่ที่วัดบ้านโนนแกด ตำบลทุ่ม อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ มี เจดีย์โบราณที่มีการขุดค้นพบเงินเหรียญจารึกอักษร ประมาณ ๑,๑๐๐ ปีที่ผ่าน มา และกรมศิลปากร
ยังไม่ได้สำรวจขุดค้น

แหล่งโบราณคดีบ้านหนองโน
     แหล่งโบราณคดีบ้านหนองโน  ตั้งอยู่ที่บ้านหนองโน หมู่ที่ ๓ ตำบลน้ำ คำ  อำเภอเมือง  จังหวัดศรีสะเกษ  หลักฐานทางโบราณคดีที่บ้านหนองโน พบใน พื้นที่
ชายขอบด้านทิศเหนือของหมู่บ้าน ซึ่งมีลักษณะเป็นเนินดินสูงกว่าสภาพแวดล้อม โดยรอบซึ่งเป็นทุ่งนา ประมาณเกือบ ๒ เมตร โดยพื้นที่หมู่บ้านมีความสูงจาก
ระดับน้ำทะเลปานกลางราว ๑๒๐ เมตร ส่วนบริเวณโดยรอบสูงจากระดับน้ำทะเล ปานกลางราว ๑๑๘ เมตร หลักฐานทางโบราณคดีพบในพื้นที่ ๒ จุด คือ ทางด้าน
ทิศเหนือของหมู่บ้านในบริเวณโนนป่ากว้างซึ่งเป็นที่ตั้งของพระธาตุก่อด้วย อิฐ และห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ในที่ดินของราษฎร ที่สำคัญคือ บริเวณ ที่ดิน
ของดาบตำรวจฉัตรชัย  จันทรศิลา  บริเวณโนนป่ากว้างเดิมเป็นที่ของ วัด  ปัจจุบันชาวบ้านได้ซื้อที่บริเวณนั้นไว้เป็นที่สาธารณะ เนื่องจากเป็น ที่ตั้งของธาตุเจดีย์
ก่อด้วยอิฐซึ่งปัจจุบันจมอยู่ใต้ดินบริเวณเนินจอมปลวกขนาดไม่ใหญ่นัก ธาตุ เจดีย์องค์นี้มีร่องรอยการขุดรื้อเพื่อหาสมบัติ ส่วนยอดพระธาตุถูกทำลายไป แล้ว
สภาพภายในมีการก่อเรียงอิฐที่ค่อนข้างหยาบ จึงสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้น โดยชาวลาว ที่อพยพเข้ามาทางภาคอีสานเมื่อสมัยต้นรัตนโกสินทร์ จากโบราณวัตถุ
ที่พบ เช่น  เครื่องมือเครื่องใช้ (ผลาญไถ  ตะปูเหล็ก  และกล้องยาสูบดินเผา) แสดง ให้เห็นถึงการเข้าอยู่อาศัยในช่วงกว่าร้อยปีมาแล้ว โดยเฉพาะรูปแบบ
ของกล้องยาสูบเป็นของใช้ของชนชาวล้านนา ล้านช้าง ซึ่งราษฎรที่อาศัยอยู่ปัจจุบันก็เป็นชาวไทยเชื้อสายลาว


  แหล่งโบราณคดีคงโคกหรือเมืองคงโคก

    แหล่งโบราณคดีคงโคกหรือเมืองคงโคก(ร้าง) หรือ เมืองโค้งโคก  ตั้งอยู่บริเวณทิศเหนือของบ้านหลุบโมก ตำบลเมืองคง
อำเภอราษีไศล จังหวัด ศรีสะเกษ ตัวแหล่งอยู่ห่างจากแม่น้ำมูลลงไปทางทิศใต้ประมาณ ๓ กิโลเมตร พื้นที่มีลักษณะเป็น
เนินดินทรงกลม มีคูน้ำและคันดินล้อมรอบ ๒ ชั้น โดยก่อคันดินล้อมรอบคูน้ำด้านนอก ลักษณะเช่นนี้เชื่อว่าคงสร้างคูน้ำขึ้น
โดยมีจุดประสงค์หลัก ในการกักเก็บน้ำ ปัจจุบันคูน้ำและคันดินบางส่วนเปลี่ยนสภาพกลายเป็นพื้นที่นา ตัวแหล่งโบราณคดี
มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ ๖๐ เมตร สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางราว ๑๒๖ เมตร จากการสำรวจ ภายในแหล่ง
พบหลักฐานภาชนะดินเผา บรรจุกระดูก และตะกรัน ในช่วงระยะก่อนประวัติศาสตร์ มีเศษภาชนะดินเผา ทั้งเนื้อดิน-
เนื้อแกร่ง และเครื่องถ้วยเคลือบ เขียวไข่กา ร่องรอยโบราณสถานก่อด้วยอิฐ และการปักใบเสมาหินทราย ที่แสดงถึง
ขอบเขต การประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ที่ต่อเนื่องลงมาในระยะสมัยประวัติศาสตร์ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๓-๑๘   แหล่งโบราณคดีแห่งนี้ กรมศิลปากรสำรวจขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งโบราณคดี และกรมการศาสนาขึ้นทะเบียนเป็นเขต
วัดร้าง ปัจจุบันเป็นที่ตั้งวัดเมืองคง ซึ่งเป็นวัดฝ่ายมหานิกาย รวมทั้งรูปปั้นของพญากตะศิลา ซึ่งเป็นเจ้าเมืองผู้นำชาวเยอมีการบวงสรวงกันทุกวันเพ็ญเดือนสามแผนผังแหล่งโบราณคดีเมืองคงโคก        ตำบลเมืองคง อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ

แห่งโบราณคดีดอนเกลือ
      

     แหล่งโบราณคดีดอนเกลือ  ตั้งอยู่บริเวณบ้านดู่ ตำบลดู่ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ อยู่ห่างจากแม่น้ำมูล
ขึ้นมา ทางทิศเหนือ มีลักษณะเป็นเนินดิน ูปร่างค่อนข้างกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๔๐๐ เมตร มีคูน้ำและคันดิน
ล้อมรอบ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางราว ๑๒๒ เมตร โดยเห็นสภาพคันดิน ๒ ชั้น ที่ล้อมรอบคูน้ำทางด้าน
ทิศตะวันตก โค้งไปตามแนว ถึงบริเวณทิศใต้ ราษฎรในปัจจุบันเรียกคูน้ำ เหล่านี้ด้วยชื่อต่างๆ เช่น หนองเกลือใหญ่
ทางด้านทิศเหนือ  หนองเกลือน้อย ทางด้านทิศตะวันออก หนองตะพังน้อยทางด้านทิศตะวันตก และหนองตะพังใหญ่
ทางด้านทิศใต้ ภายใน แหล่งโบราณคดีนี้มีสำนักสงฆ์วัดป่าบ้านดอนเกลือตั้งอยู่
     จากการสำรวจพบหลักฐานการฝังศพครั้งที่ ๒ ในภาชนะดินเผา ขวานหินขัด เศษภาชนะดินเผา แสดงถึงการ
อยู่อาศัย ตั้งแต่ช่วงระยะก่อนประวัติศาสตร์ ต่อเนื่องถึงช่วงราวพุทธศตวรรษที่ ๑๓-๑๕ เครื่องใช้ในระยะต่อลงมานี้
มีทั้งเศษภาชนะ ดินเผาเนื้อดินและเนื่องแกร่ง ทรงแจกันเคลือบน้ำตาล (กระปุกขอม) ินดุ หินบด แท่นหินบด
(หินทราย) กำไลหินชนวน รูปทรงจักร และพระพุทธรูปหินทราย


แหล่งโบราณคดีบ้านน้ำอ้อมน้อย

  
  
ตั้งอยู่บริเวณบ้านน้ำอ้อมน้อย ตำบลเมืองแคน อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ เป็นชุมชนโบราณทีลักษณะ
เป็นเนินดินค่อนข้างกลม มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ ๓๕ เมตร มีคูน้ำและคันดินล้อมรอบ 1 ชั้น ปัจจุบัน
มีบ้านเรือนราษฎร และวัดเกาะโพธิ์ไทรตั้งอยู่
     จากการสำรวจได้พบโบราณวัตถุประเภทชิ้นส่วนสัมฤทธิ์ ภาชนะดินเผาเนื้อหยาบ จากลักษณะการสร้าง
คูน้ำและคันดิน ประกอบกับโบราณวัตถุที่พบ สันนิษฐานว่า แหล่งโบราณคดีแห่งนี้ เป็นชุมชนโบราณที่อาจ
มีการตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยครั้งแรก  ก่อนสมัยประวัติศาสตร์ตอนปลายและมีการอยู่อาศัยต่อเนื่อง จนถึงสมัย
ประวัติศาสตร์ตอนต้น  จากลักษณะของการสร้างคันดินที่รายรอบคูน้ำทางขอบนอกนี้เชื่อว่าคงสร้างขึ้นโดยมี
จุดประสงค์หลักเพื่อการกักเก็บน้ำ อายุของแหล่งโบราณคดีแห่งนี้ ถ้ามีการอยู่อาศัยครั้งแรกในสมัยก่อน
ประวัติศาสตร์ตอนปลายจริง  คงมีอายุอยู่ราว ๒,๕๐๐  ปีลงมา


แหล่งโบราณคดีดอนพลับกลางทุ่ง
     แหล่งโบราณคดีดอนพลับกลาง ทุ่ง  ตั้งอยู่บริเวณเขตรอยต่อระหว่างบ้านดอนไม้งาม  อำเภอราษีไศล และบ้าน คอมกาม ตำบลคอนกาม  อำเภอยางชุมน้อย
จังหวัดศรีสะเกษ  มีลักษณะเป็นเนินดินขนาดใหญ่ มีต้นตาลขึ้นอยู่ทั่วไป เนิน ดินตั้งอยู่บนพื้นที่ซึ่งมีความสูงประมาณ ๑๒๓ เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง
เนินดินแหล่งโบราณคดีดอนพลับกลางทุ่งอยู่ตอนปลายสุดของห้วยข่า ซึ่งเป็นสาขา ของแม่น้ำมูล ตลอดลำห้วยยาวราว ๗  กิโลเมตร  มีการขุดค้นพบชิ้นส่วนฯ
กระดูกมนุษย์ และเศษภาชนะดินเผา  จากรูปแบบชิ้นส่วนภาชนะดินเผาที่ พบ  สันนิษฐานว่าชุมชนแห่งนี้น่าจะมีรูปแบบประเพณีการฝังศพที่เหมือนกับ
ชุมชนในเขตพื้นที่ ๕  จังหวัดของทุ่งกุลาร้องไห้   ซึ่งมีอาณาเขตติดกัน โดยอยู่ เหนือขึ้นไปทางตอนบน  คือ  จังหวัดร้อยเอ็ด  มหาสารคาม  ยโสธร  สุรินทร์
และศรีสะเกษ  คือมีการบรรจุศพในภาชนะดินเผาขนาดใหญ่มาก สามารถกำหนดอายุโดยการศึกษาเปรียบเทียบหลักฐานกับ แหล่งโบราณคดีอื่นๆ ที่เคยมี
การกำหนดอายุไว้แล้ว ได้ว่าแหล่งโบราณคดีแห่งนี้ น่าจะจัดอยู่ในยุคเหล็กอายุราว ๒,๕๐๐-๑,๕๐๐  ปีมาแล้ว


แหล่งโบราณคดีบ้านเมืองแคน

     
แหล่งโบราณคดีบ้านเมืองแคน ตั้งอยู่ที่บ้านเมืองแคน ตำบลเมือง แคน อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ มีลักษณะเป็นเนินดินทรงกลม มีคูน้ำล้อม รอบ
ตั้งอยู่ห่างจากแม่น้ำมูลขึ้นไปทางทิศเหนือประมาณ ๕ กิโลเมตร ได้พบหลักฐาน การฝังศพในภาชนะดินเผา ช่วงสมัยก่อนประวัติศาสตร์ อายุราว
๒,๕๐๐- ๑,๕๐๐ ปีมาแล้ว  และไหเขมร(ไหเท้าช้าง) ในช่วงประวัติศาสตร์  ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๕ - ๑๖   คล้ายแหล่งโบราณคดีบ้านน้ำอ้อมน้อย
 และอยู่ในเขตที่ใกล้เคียงกัน 


บ้านโนนสูง

     ตั้งอยู่ที่บ้านโนนสูง ตำบลหนองแค อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ มี ลักษณะเป็นเนินสูง มีวัดและพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นในปัจจุบันตั้ง อยู่
รองศาสตราจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม นักโบราณคดีให้ความเห็นว่าน่าจะเป็นชุมชนโบราณ แหล่งโบราณคดีนี้กรมศิลปากรยังไม่ได้ดำเนินการสำรวจ

โนนหนองแฝก   
     โนนหนองแฝก  ตั้งอยู่ที่บ้านแสง  ตำบลเมืองแคน  อำเภอราษีไศล  จังหวัด ศรีสะเกษ  มีลักษณะเป็นเนินดินรูปวงรี  มีคูน้ำคันดินล้อมรอบ อายุราว
๒,๕๐๐-๑,๕๐๐ ปี มาแล้ว หลักฐานที่พบ คือ เศษภาชนะดินเผาเนื้อดินสมัยก่อนประวัติศาสตร์

แหล่งโบราณคดีโนนก้านเหลือง
     แหล่งโบราณคดีโนนก้านเหลือง  ตั้งอยู่ที่บ้านบึงหมอกน้อย  ตำบลเมือง แคน  อำเภอราษีไศล  มีลักษณะเป็นเนินดิน  ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของแม่น้ำ มูล
ห่างขึ้นมาราว ๔ กิโลเมตร พื้นที่บริเวณนี้สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ประมาณ ๑๒๔ เมตร หลักฐานสำคัญที่พบ คือ หม้อลายเชือกทาบ  เศษกระดูก ขวานหิน ขัด
และเศษภาชนะดินเผาเนื้อดินธรรมดา
แหล่งโบราณคดีโนนไข่นุ่น(โนนหนองหว้า)
     แหล่งโบราณคดีโนนไข่นุ่น  ตั้งอยู่ที่บ้านบึงหมอกน้อย  ตำบลเมือง แคน  อำเภอราษีไศล  จังหวัดศรีสะเกษ  ลักษณะของแหล่งโบราณคดีเป็นเนินดินทรง กลม
 อยู่ทางด้านทิศตะวันออกของแม่น้ำมูล  ห่างไปประมาณ ๒ กิโลเมตร ตัวแหล่งมี ความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ ๑๒๔ เมตร หลักฐานสำคัญที่พบคือ
เศษกระดูก ขวานหิน และเศษภาชนะดินเผาเนื้อดินธรรมดา 

แหล่งโบราณคดีบ้านยางชุมน้อย
     แหล่งโบราณคดีบ้านยางชุมน้อย  ตั้งอยู่ที่ตำบลยางชุมน้อย  อำเภอยางชุม น้อย  จังหวัดศรีสะเกษ  ตัวแหล่งอยู่ห่างจากแม่น้ำชีขึ้นไปทางด้านทิศตะวัน ตก
เฉียงเหนือ ราว ๘ กิโลเมตร ลักษณะของแหล่งเป็นเนินดินรูปทรงกลมขนาดใหญ่  สูงจากระดับ น้ำทะเลปานกลางประมาณ ๑๒๕ เมตร ตัวแหล่งมีคูน้ำล้อมรอบ ๓ ชั้น
 นอกจากเศษภาชนะดินเผาสมัยก่อนประวัติศาสตร์ อายุราว ๒,๕๐๐-๑,๕๐๐ ปี แล้ว ยังได้พบกลุ่มใบเสมาแบบทวารวดี  และไหเขมร ซึ่งแสดงถึงการอยู่อาศัยอย่าง
ต่อเนื่องลงมาถึงช่วงสมัยประวัติศาสตร์ในวัฒนธรรมแบบทวารวดี  และเขมรด้วย

แหล่งโบราณคดีบ้านคอนกาม
     แหล่งโบราณคดีบ้านคอนกาม  ตั้งอยู่ที่ตำบลคอนกาม  อำเภอยางชุม น้อย  จังหวัดศรีสะเกษ  ซึ่งอยู่ห่างจากแหล่งโบราณคดีดอนพลับกลางทุ่งลงมา ทางทิศตะวันออก
เฉียงใต้ประมาณ ๑.๕ กิโลเมตร ได้พบหลักฐานการอยู่อาศัยในระยะก่อนประวัติ ศาสตร์ตอนปลายต่อเนื่องลงมาในระยะสมัยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมเขมร ได้แก่
ขวานหินขัด เครื่องใช้ทรงแบนกลมลักษณะคล้ายพานหิน ไหเนื้อแกร่งเคลือบสีน้ำตาล
     
แหล่งโบราณคดีบ้านขี้เหล็ก
     แหล่งโบราณคดีบ้านขี้เหล็ก  ตั้งอยู่ในบ้านขี้เหล็ก หมู่ที่ ๒ ตำบลละ เอาะ อำเภอน้ำเกลี้ยง จังหวัดศรีสะเกษ เป็นชุมชนโบราณที่มีคูน้ำ คันดินล้อม รอบเป็นรูป
สี่เหลี่ยมผืนผ้า มีขนาดกว้าง ๒๗๐ เมตร ยาว ๔๘๐ เมตร คูน้ำที่ล้อมรอบนี้เรียกว่า หนองคู ได้ มีการขุดลอกให้ลึกและกว้างกว่าเดิมเพื่อใช้กักเก็บน้ำ ทางมุมด้าน
ตะวันออกถูกทำลายลงเล็กน้อย โดยขุดลอกออกเพื่อให้หนองคูเชื่อมต่อกับร่องโศก
     จากการสำรวจ ไม่พบโบราณวัตถุภายในเขตชุมชน แต่พบอยู่ด้านนอกทางด้านทิศใต้ของแหล่งโบราณคดีจำนวนไม่มากนัก ได้แก่ เศษภาชนะดินเผา
เนื้อแกร่ง  เคลือบสีเขียว สีน้ำตาล ซึ่งเป็นเครื่องถ้วยเขมร มีอายุระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๕-๑๘ นอกจาก นี้โบราณวัตถุที่อยู่ในความครอบครองของราษฎรที่สำคัญ
ได้แก่ เครื่องถ้วยจีนเคลือบขาว สมัยราชวงศ์ซ่ง มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๕-๑๗
     จากโบราณวัตถุที่พบประกอบกับแผนผังของชุมชนที่มีลักษณะสี่เหลี่ยมเช่น นี้ กล่าวได้ว่า ชุมชนแห่งนี้เป็นชุมชนโบราณในวัฒนธรรมเขมร มีช่วงเวลา
การอยู่อาศัย ระหว่าง พุทธศตวรรษที่ ๑๕-๑๘
ชุมชนบ้านดวนใหญ่
     ตั้งอยู่ที่บ้านดวนใหญ่ ตำบลดวนใหญ่ อำเภอวังหิน จังหวัดศรีสะเกษ เป็น ที่ตั้งของเมืองนครลำดวน ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากราชอาณาจักร อยุธยา
ก่อนตั้งเมือง เดิมเป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่เรียกว่าปราสาทสี่เหลี่ยมดงลำดวน มีคูรอบ เมือง ๓ ชั้น เรียกว่า คูขอก คูกลาง และคูใน มีการขุดค้นพบวัตถุโบราณ
ในบริเวณนี้รวมทั้งต้นซุงขนาดใหญ่จำนวนมาก มีศาลเจ้าพ่อพะละงุม ที่ตั้งอยู่ ในบริเวณกลางหมู่บ้านด้วย แหล่งโบราณคดีแห่งนี้กรมศิลปากรยังไม่ได้ดำเนิน การ
สำรวจ


หล่งโบราณคดีบ้านอาวอย
     แหล่งโบราณคดีบ้านอาวอย  ตั้งอยู่ที่บ้านอาวอย  หมู่  ๒๑  ตำบล โสน  อำเภอขุขันธ์  จังหวัดศรีสะเกษ  หลักฐานโบราณคดีที่บ้านอาวอย  พบใน บริเวณ
ดินจอมปลวก ซึ่งบริเวณนี้สีของดินจะแตกต่างจากที่อื่น คือ เป็นสีดำคล้ายเถ้าถ่าน เนิน ดินนี้อยู่กลางทุ่งนาไม่ห่างจากปากทางถนนลูกรังซึ่งอยู่ทิศใต้สุดของหมู่ บ้าน
พื้นที่บริเวณนี้อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ ๑๖๐ เมตร ซึ่งเจ้าของที่ดิน ได้นำรถแม็กโครมาไถปรับพื้นที่นาซึ่งเดิมมีลักษณะเป็นเนินดินจอมปลวก จึงได้ พบ
โบราณวัตถุ คือ เศษภาชนะดินเผา  ใบมีดดาบเหล็ก และตะกั่ว ภาชนะดินเผาที่พบ จำนวน ๓ ใบ อยู่ ในสภาพแตกชำรุด อาจเนื่องจากการใช้รถไถปรับพื้นที่
ภาชนะทั้งหมดบรรจุก้อนตะกั่วอยู่ภายใน น่าสังเกตคือภาชนะใบหนึ่งมีโซ่คล้อง ปัจจุบันภาชนะดังกล่าวมีสภาพแตกเป็นเศษภาชนะเท่านั้น
     จากโบราณวัตถุที่พบ สันนิษฐานว่าแหล่งโบราณคดีแห่งนี้มีอายุราว พุทธ ศตวรรษที่ ๑๖-๑๘ ซึ่งเป็นช่วงที่มีการแพร่กระจายของชุมชน และวัฒนธรรมเขมร
จากประเทศกัมพูชาเข้ามายังภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยอย่างมาก

บ้านฮ่องธาตุ
     ตั้งอยู่ที่บ้านฮ่องธาตุ ตำบลกฤษณา อำเภอขุขันธ์ มีการขุดค้นพบโบราณ วัตถุ ไหสี่หู กระดูกคนโบราณ สันนิษฐานว่าเป็นชุมชนโบราณ และกรมศิลปากร
ยังไม่ได้ดำเนินการสำรวจ

แหล่งโบราณคดีบ้านหัวช้าง

     แหล่งโบราณคดีบ้านหัวช้าง  มีลักษณะเป็นเนินดินกลางทุ่งนาห่างจากบ้าน หัวช้างมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ  ๑  กิโลเมตร  ในเขตตำบลสำโรงพลัน
อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ จากการสำรวจของเจ้าหน้าที่สำนักงานโบราณคดีและ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ ๙ กรมศิลปากร พบโบราณวัตถุและหลุมลักลอบ
ขุดหาโบราณวัตถุ โบราณวัตถุ ที่สำคัญได้แก่ เครื่องถ้วยเคลือบสีน้ำตาลแบบที่เรียกว่าไหเท้าช้าง สภาพ ชำรุดจำนวนหลายใบ ภายในมีห่วงตะกั่วบรรจุอยู่ไหเหล่านี้
เป็นเครื่องถ้วยเคลือบเขมร ซึ่งมีแหล่งผลิต สำคัญอยู่ในเขตอำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ มีอายุการผลิตอยู่ระหว่าง พุทธศตวรรษที่ ๑๕-๑๘ ห่วงตะกั่วและแผ่นตะกั่ว
พบจำนวนมาก และเครื่องมือเหล็กรูปแบบต่างๆ เช่นหอก สิ่ว เคียว จอบ คีม และแผ่นเหล็กที่มีห่วงติดอยู่ เป็นต้น
     จากโบราณวัตถุเหล่านี้ กล่าวได้ว่า แหล่งโบราณคดีแห่งนี้ คงเป็นชุมชน ในวัฒนธรรมเขมรโบราณ ที่มีช่วงเวลาการ อยู่อาศัยระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๕-๑๘

แหล่งโบราณคดีบ้านบึงหมอก

     แหล่งโบราณคดีบ้านบึงหมอก มี ๓ จุด คือ แหล่งโบราณคดีบ้านบึง หมอก แหล่งโบราณคดีโนนก้านเหลือง และแหล่งโบราณคดีโนนหนองหว้า บ้านบึงหมอก น้อย
ตำบลส้มป่อย อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ ขุดพบเศษภาชนะดินเผาเนื้อหยาบแบบผิวเรียบ และ แบบที่ตกแต่งเป็นลายเชือกทาบ ขูดขีด ส่วนแหล่งโบราณคดี
โนนก้านเหลืองพบการฝังศพ โดยฝังภาชนะดินเผาและขวานหินขัดด้วย บ้านบึงหมอกเดิมเรียกว่า บ้านเมือง หมอก ถือเป็นชุมชนโบราณขนาดใหญ่ ประกอบด้วย
หลายชุมชน

แหล่งโบราณคดีบ้านหนองเข็ง

     แหล่งโบราณคดีบ้านหนองเข็ง  ตำบลโพนเขวา อำเภอเมือง จังหวัด ศรีสะเกษ พบภาชนะดินเผาและผงตะกรันเหล็กอันแสดงถึงเป็นแหล่งที่มีการถลุง เหล็กมาก่อน
     นอกจากแหล่งโบราณคดีที่กล่าวมาแล้ว ยังมีแหล่งโบราณคดีอีกจำนวนมากใน จังหวัดศรีสะเกษ ที่ยังรอการขุดค้น เพื่อเปิดเผยความเป็นจริงในอดีตสู่โลก ภายนอก
ต่อไป 
         
  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น